โรคเหงือกอักเสบ หรือ โรคปริทันต์

Share

โรคปริทันต์ (Periodontal Disease) หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า โรคเหงือกอักเสบ แต่จริงๆแล้ว โรคปริทันต์ มิได้มีการอักเสบเกิดขึ้นแค่ที่เหงือกเท่านั้น แต่เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้กับอวัยวะรอบๆฟัน อันได้แก่ เหงือก, กระดูกเบ้าฟัน, เอ็นยึดปริทันต์ และ ผิวรากฟัน การรักษาโรคเหงือกควรจะรีบทำการรักษาในทันทีที่มีการตรวจพบว่าเป็นโรคเหงือก เพราะหากปล่อยไว้จะทำให้การรักษายากยิ่งขึ้น หากพบอาการของโรคเหงือก ควรจะเข้าพบทันตแพทย์ หรือทันตแพทย์เฉพาะทาง เพื่อที่จะทำการรักษาแต่เนิ่น ๆ เพราะหากปล่อยไว้ โรคเหงือก จะทำให้สูญเสียฟันได้

โรคเหงือกอักเสบ คือ การอักเสบของเหงือกที่มีสาเหตุจากคราบแบคทีเรีย และหินปูนที่เกาะอยู่ที่ผิวฟัน โรคเหงือกอักเสบสามารถรักษาได้ง่ายโดยการขูดหินปูนทำความสะอาดฟันโดยทันตแพทย์ แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี ถ้าปล่อยคราบแบคทีเรียทิ้งไว้นาน ๆ คราบแบคทีเรียนี้จะค่อย ๆ แข็งตัวขึ้นจนกลายเป็นหินปูน และทำลายเนื้อเยื่อเหงือกและกระดูกเบ้าฟัน ในช่วงแรกของโรคเหงือกอักเสบนี้ สามารถรักษาให้กลับเป็นปกติเนื่องจากกระดูกและเนื้อเยื่อรอบรากฟันยังไม่ถูกทำลาย แต่ถ้าทิ้งไว้นานโดยไม่รักษาโรคเหงือกอักเสบก็อาจกลายเป็นโรคปริทันต์อักเสบได้ ทำให้เกิดความเสียหายกับฟันและกระดูกรอบรากฟันอย่างถาวร จนทำให้ฟันโยกและต้องถอนในที่สุด

โรคปริทันต์เกิดขึ้นจากการที่คนไข้ปล่อยปละละเลยโรคเหงือกอักเสบ มีขูดหินปูนสะสมอยู่เป็นเวลานาน และไม่ได้พบทันตแพทย์เพื่อตรวจรักษา แบคทีเรียที่อยู่ในหินปูนจะทำลายกระดูกที่อยู่รอบ ๆ ฟัน ทำให้กระดูกที่หุ้มฟันนั้นละลายตัวไป ฟันจะเริ่มมีอาการโยก หากอาการโยกเป็นมากฟันอาจจะไม่สามารถรักษาได้ และต้องถอนฟันในที่สุด การรักษาโรคปริทันต์โดยทั่วไปจะมีการขูดหินปูนเหนือเหงือก และใต้เหงือกรวมทั้งการเกรารากฟัน เพื่อให้รากฟันเรียบ ไม่เป็นที่ยืดเกาะของหินปูนและแบคทีเรีย

อาการบ่งชี้ว่าอาจจะเป็นโรคเหงือกหรือโรคปริทันต์

  1. มีเลือดออกขณะแปรงฟัน
  2. เหงือกบวมแดง เป็นรอยช้ำ มีเลือดออกเมื่อสัมผัสโดน
  3. มีกลิ่นปากหรือมีรสแปลกๆในปากแม้จะเป็นเพียงระยะเริ่มต้นก็ตาม
  4. เหงือกร่นจากตัวฟันทำให้ฟันยาวขึ้น
  5. อาจมีหนองออกตามร่องเหงือก , ปวดหน่วงๆที่เหงือกรอบๆฟัน
  6. ฟันโยก
  7. เหงือกที่แยกออกมาไม่แนบสนิทกับฟันจนทำให้เกิดเป็นโพรงขึ้นมา

การรักษาโรคปริทันต์และขั้นตอนการรักษา

ทันตแพทย์จะทำการตรวจ พร้อมกับการเอ็กซ์เรย์ (X-ray) ฟัน เพื่อทำการประเมินวินิจฉัย ซึ่งการรักษาโรคปริทันต์นี้ มีวิธีการที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของการเกิดโรค

  1. ขูดหินปูน เพื่อกำจัดหินปูนและคราบจุลินทรีย์ที่เกาะอยู่บนตัวฟันและบริเวณขอบเหงือกออก โดยทันตแพทย์จะทำการขูดหินปูนทั้งบนตัวฟันและส่วนที่อยู่บนผิวรากฟันภายในร่องปริทันต์
  2. เกลารากฟัน เป็นการทำผิวรากฟันให้สะอาดและเรียบ เพื่อกำจัดหินปูนและคราบจุลินทรีย์ที่เกาะลึกลงไปในผิวรากฟันเป็นการขูดหินปูนที่อยู่ลึกลงไปใต้เหงือกมากๆ มักต้องฉีดยาชาและขูดที่ละส่วนหรือที่ละครึ่งปาก
  3. ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องผ่าตัดเปิดเหงือกเพื่อทำการรักษา ทันตแพทย์จะพิจารณาใช้วิธีการผ่าตัดเหงือกการผ่าตัดเปิดเหงือกเพื่อการรักษามีหลายชนิดและหลายลักษณะงาน เช่น การตัดเหงือก, การกรอแต่งกระดูก การร่นเหงือก หรือ ผ่าตัดเพื่อขูดหินปูนบนผิวรากฟันที่ลึกมากๆ เตรียมของตามที่ทันตแพทย์สั่งโดยถามทันตแพทย์เป็นกรณีไป
  4. หากเป็นโรคปริทันต์รุนแรง จนไม่สามารถเก็บรักษาฟันไว้ได้ อาจต้องถอนฟัน เช่น ในกรณีที่ฟันโยกมากๆ

การรักษาด้วยการขูดหินปูนและเกลารากฟันนั้น จะต้องทำซ้ำหลายๆ ครั้ง เนื่องจากอาจมีการเกลารากฟันเป็นส่วนๆที่ละส่วนไม่ได้ทำทั้งปากในครั้งเดียว ผู้ป่วยจึงต้องมาพบแพทย์ตามนัด และทำความสะอาดช่องปากตามที่ทันตแพทย์แนะนำ

การป้องกันการเกิดโรคปริทันต์หรือเหงือกอักเสบ

  1. เมื่อพบว่าเหงือกมีเลือดออกและเจ็บเล็กน้อยเวลาแปรงฟัน อาจจะเป็นอาการเบื้องต้นของโรคเหงือกอักเสบ หากปล่อยทิ้งไว้จะเกิดหนองและลุกลามติดเชื้อสู่รากฟันได้ สามารถป้องกันได้โดย การแปรงฟัน ให้สะอาดและใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟันอย่างสม่ำเสมอ โรคปริทันต์สามารถกลับมาเป็นใหม่ได้ถ้าดูแลสุขภาพช่องปากไม่ดี ดังนั้นจึงต้องดูแลสุขภาพช่องปากให้ดีอย่างสม่ำเสมอด้วยการแปรงฟันและทำความสะอาดซอกฟันอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ
  2. การดูแลความสะอาดของช่องปากและฟันด้วยตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็อาจมีบางบริเวณที่เราทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง จนทำให้เกิดการสะสมของคราบแบคทีเรียที่มากขึ้น และแข็งกลายเป็นหินปูน เราจึงจะต้องมาพบทันตแพทย์เป็นประจำอย่างน้อย 6 เดือนครั้งหรือตามที่ทันตแพทย์นัด
  3. การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อขจัดคราบแบคทีเรียไม่ให้สะสม
  4. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่

ประโยชน์ของการรักษาโรคปริทันต์หรือเหงือกอักเสบ

  1. ช่วยลดปัญหากลิ่นปากและเหงือกบวมอักเสบให้บรรเทาและหายได้
  2. เมื่อทำการเกลารากฟันไปแล้ว จะทำให้ผิวรากฟันเรียบเพราะมีการกำจัดคราบหินปูนและคราบเชื้อโรคที่เกาะบนรากฟันหมดแล้ว จะช่วยให้เหงือกกลับมายึดได้ดีขึ้น
  3. เมื่อผิวรากฟันเรียบเนื้อเยื่อเหงือกสามารถกลับมายึดแน่นติดกับผิวฟันได้เหมือนเดิม
  4. ทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาเคี้ยวอาหารได้ดียิ่งขึ้นฟันไม่โยกและกลับมามีสุขภาพช่องปากที่ดีเหมือนเดิม
  5. ทำให้ผู้ป่วยมีการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากได้ดียิ่งขึ้น อย่างถูกต้อง และสามารถป้องกันการกลับมาของโรคปริทันต์ได้
  6. เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคเหงือกอักเสบและรับการรักษาได้ทัน ก็จะลดโอกาสการสูญเสียฟันไปก่อนวัยอันสมควรได้

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่นโยบายความเป็นส่วนตัว

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลในการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาในการใช้งานที่ดีของเว็บไซต์ หากท่านไม่ยอมรับเว็บไซต์นี้จะไม่สามารถวัดผล เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า