เซรามิกวีเนียร์ วัสดุชนิดนี้มีความแข็งแรงทนทาน มีความใสใกล้เคียงฟันธรรมชาติมาก ทำให้เป็นที่นิยมกันอย่างมากในปัจจุบัน

ข้อดีของเซรามิกวีเนียร์
- ผิวฟันหน้าจะเรียบและมัน ยากต่อการติดคราบต่างๆ
- ปรับการเรียงตัวของฟันได้
- มีความสวยงามตลอดอายุการใช้งาน
- ดูเหมือนฟันธรรมชาติมาก
- ช่วยปิดช่องว่างฟันได้
ข้อด้อยของเซรามิกวีเนียร์
- มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคอมโพสิตวีเนียร์
- ใช้ระยะเวลาในการทำมากกว่าคอมโพสิตวีเนียร์
- อาจต้องมีการกรอเนื้อฟันมากกว่าคอมโพสิตวีเนียร์เล็กน้อย
ขั้นตอนการรักษาด้วยการทำเซรามิกวีเนียร์
- ก่อนการรักษา จะมีการตรวจสุขภาพฟันเพื่อประเมินก่อนการรักษา
- การเตรียมฟัน ทันตแพทย์จะต้องกรอเนื้อฟันออกเล็กน้อย ประมาณ 0.5-1.9 มิลลิเมตร ซึ่งจะเท่ากับความหนาของตัวเคลือบฟัน เพื่อให้เคลือบฟันสามารถปิดทับลงไปได้พอดี แต่ก่อนการกรอผิวฟันนั้น ทันตแพทย์จะพิจารณาว่า จำเป็นต้องใช้ยาชาหรือไม่ และต่อจากนั้น ทันตแพทย์จึงจะทำรูปแบบจำลองและพิมพ์ฟันเพื่อส่งแลป แล้วทำเคลือบฟันชั่วคราวให้คนไข้ ใส่ระหว่างรองานจากแลป
- จดบันทึก สี ขนาด รูปร่างของฟันที่ต้องการในการเคลือบฟันเทียม
- เมื่อได้ชิ้นงานเซรามิกวีเนียร์แล้ว ทันตแพทย์จะทำการยึดชิ้นงานด้วยซีเมนต์ชนิดพิเศษก่อนการยึดจะมีการปรับแต่งให้มีความเหมาะสมที่สุด
ข้อปฏิบัติหลังการเข้ารับการเคลือบฟันเทียม(วีเนียร์)
- ควรทำความสะอาดด้วยการแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง การแปรงฟันหลังรับประทานอาหารเป็นการเริ่มวินัยที่ดีในการดูแลสุขภาพปากและฟันซึ่งเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติอย่างยิ่ง
- ควรทำความสะอาดด้วยไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 1 – 2 ครั้ง
- ควรให้ความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเคี้ยวของแข็งบริเวณที่ได้รับการบูรณะตกแต่งฟัน
- ควรหลีกเลี่ยงการดื่มหรือรับประทานอาหารที่ร้อน เย็นหรือมีความเป็นกรดสูง เช่นน้ำมะนาวเป็นต้น
- ควรพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน
- หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารที่มีความแข็งภายใน 24 ชั่วโมงหลังการติดยึดวัสดุการ เคลือบฟันเทียม (วีเนียร์)
- อาการเสียวฟันอาจเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยบางท่าน โดยอาการดังกล่าวจะสามารถหายได้เองภายในเวลาไม่นาน ซึ่งถ้าเกิดอาการเสียวฟันคนไข้สามารถรับประทานยาแก้ปวดก็จะสามารถบรรเทาอาการปวดได้ระดับหนึ่ง