การจัดฟันแบบใส (Invisalign) คือ การจัดฟันที่เน้นความสวยงามระหว่างการจัดฟัน โดยการใช้เครื่องมือโปร่งใสในการช่วยปรับการเรียงตัวของฟัน โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องมือการจัดฟันแบบติดแน่นที่ผิวฟันอย่างที่นิยมใช้กันทั่วไป Invisalign เป็นนวัตกรรมทางการจัดฟันแบบใหม่นิยมทำกันมาก ทำให้สามารถจัดฟันได้โดยไม่ต้องใส่เหล็กดัด สามารถเคี้ยวอาหารได้ตามปกติ ง่ายต่อการดูแลรักษา เพราะสามารถถอดออกและแปรงฟันได้ตามปกติ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้การจัดฟันด้วยวิธีนี้เป็นที่นิยมของคนที่ต้องการจัดฟัน แต่ไม่อยากให้ใครเห็น
ขั้นตอนการจัดฟันใสแบบ Invisalign
- พบแพทย์ ในขั้นแรกผู้เข้ารับบริการต้องทำการนัดหมายเพื่อปรึกษาและถ่ายภาพเอกซเรย์ช่องปากเพื่อใช้ในวางแผนการรักษา
- วางแผนการรักษา ทันตแพทย์ จะทำการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาพร้อมกับถ่ายภาพและพิมพ์ฟัน
- เตรียมสภาพช่องปาก ทันตแพทย์จะเตรียมสภาพช่องปากให้พร้อมสำหรับการรักษา
- พิมพ์ฟัน ทันตแพทย์จะทำการพิมพ์ฟันอีกครั้งพร้อมบันทึกการกัดสบฟัน จากนั้นทันตแพทย์จะส่งข้อมูลทุกอย่างไปที่ Invisalign Center ในสหรัฐอเมริกา
- สแกนรอยพิมพ์ฟัน ทาง Invisalign จะใช้เครื่อง CT สแกน หรือ CAT สแกนรอยพิมพ์ฟัน โดยใช้เทคโนโลยีการสร้างภาพแบบ 3 มิติ เพื่อสร้างชุดเครื่องมือจัดฟัน
- วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลง โปรแกรม CAD (Computer Aided Design) จะทำการวิเคราะห์การเปลี่ยนของการเคลื่อนตัวของฟันขณะทำการรักษา โดยการสร้างภาพเสมือนจริงของการเคลื่อนของฟันในระหว่างทำการรักษา
- ตรวจสอบและดัดแปลง ทันตแพทย์จะตรวจสอบดัดแปลงและรับรองแผนการรักษาก่อนการสร้างชุดเครื่องมือจัดฟัน
- ผลิตชุดเครื่องมือจัดฟันเฉพาะบุคคล
- ชุดเครื่องจัดฟันแบบใสที่ผลิตพิเศษขึ้นมาเฉพาะบุคคล จะถูกส่งให้ทันตแพทย์ที่วางแผนการรักษาในตอนแรกที่เมืองไทย
- รับชุดเครื่องมือจัดฟัน และเปลี่ยนใหม่ทุก ๆ 2 สัปดาห์ เพื่อการปรับเคลื่อนตัวของฟัน ต้องมีวินัยอย่างสูงและสวมใส่เครื่องมือทุกวัน ถอดออกในเฉพาะเวลารับประทานอาหาร แปรงฟัน ขัดฟัน หรือต้องพบกับทันตแพทย์ตามนัดหมายเพื่อตรวจวินิจฉัย
- เมื่อสิ้นสุดการรักษา จะต้องใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน (Retainer) อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟันกลับไปสู่ตำแหน่งเดิม
ข้อดีของการจัดฟันใสแบบ Invisalign
- ดูดี มีความสวยงาม เพราะเครื่องมือจัดฟันชนิดนี้จะโปร่งใส จนยากที่ผู้อื่นจะสังเกตเห็นได้ ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
- ช่วยลดระยะเวลาในการจัดฟัน การจัดฟันแบบใสสามารถช่วยลดระยะเวลาในการจัดฟันได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะแล้วเสร็จประมาณ 6 เดือน ถึง 2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของสภาพฟันแต่ละบุคคลด้วย
- บาง เบา และสวมใส่สบายกว่าเครื่องมือจัดฟันชนิดโลหะทั่วไป ด้วยเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาเฉพาะ จึงไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองภายในช่องปาก และช่วยลดปัญหาการเกิดแผลในช่องปากได้ดี
- ไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันมากนัก เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการให้เสียบุคลิกภาพจากเหล็กจัดฟัน เช่น นักแสดง พิธีกร ลูกเรือ
- สามารถถอดและสวมใส่ได้อย่างง่ายดายสามารถถอดเครื่องมือได้เมื่อต้องการรับประทานอาหาร แปรงฟัน หรือขัดฟัน จึงช่วยลดปัญหาการเกิดหินปูน ฟันผุ กลิ่นปาก แผลในช่องปาก และโรคในช่องปากอื่น ๆ ได้
- ในรายที่ไม่สามารถไปพบทันตแพทย์ตามนัดได้ ก็สามารถรับเครื่องมือ Invisalign จำนวนชิ้นทั้งหมดมาได้ในคราวเดียว (ปกติแล้วทันตแพทย์จะนัดให้มาพบประมาณทุกเดือนครึ่งเพื่อตรวจดูความคืบหน้าและให้เครื่องมือชิ้นต่อไป)
ข้อเสียของการจัดฟันใสแบบ Invisalign
- ราคาสูง ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันแบบใสจะสูงกว่าการจัดฟันแบบติดเครื่องมือ
- ระเบียบวินัยของผู้ใช้ ความคืบหน้าในการรักษานั้นขึ้นอยู่กับระเบียบวินัยของผู้ใช้เป็นสำคัญ ถ้าผู้ใช้สวมใส่เครื่องมือประมาณ 20-22 ชั่วโมงต่อวัน และถอดออกเฉพาะเวลารับประทานหรือทำความสะอาดฟัน ก็จะทำให้ฟันเข้าที่ได้เร็วยิ่งขึ้น
- เครื่องมือจัดฟันมักหาย จากการที่ต้องเอาเครื่องมือจัดฟันออกก่อนการรับประทานทุกครั้ง
ระยะเวลาในการรักษา
ระยะเวลาในการจัดฟันใสแบบ Invisalign ประมาณ 6 เดือน ถึง 2 ปีขึ้นไปทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาทางด้านสุขภาพฟัน และโครงสร้างฟันของแต่ละคน ดังนั้นระยะเวลาจึงอาจไม่เท่ากันในแต่ละบุคคล ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้แนะนำดูแล